สมาธิ ภาวนา คืออะไร
“สมาธิ”
มีความหมายว่า ความมั่นคงของจิต หรือสภาวะที่จิต ตั้งมั่น มีความสงบ แน่วแน่ หมายถึง สภาวะที่จิตนิ่ง แน่วแน่ต่อสิ่งที่กำหนดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการคิด การพูด หรือการกระทำกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยที่จิตนั้นไม่ฟุ้งซ่าน
ไปมา
“ภาวนา”
มีความหมายว่า การทำให้เกิดขึ้น มีขึ้น เป็นขึ้น การเจริญขึ้นในทางจิตใจการสำรวมใจ ตั้งความปรารถนา มุ่งมั่น คือคุณธรรมที่ยังไม่มีขึ้น ให้มีขึ้น ด้วยการฝึกอบรมจิตใจให้เจริญงอกงามขึ้นด้วยปัญญา และด้วยคุณธรรม
เพื่อความสงบ และความบริสุทธิ์ผ่องใส เป็นต้น
ประเภทของภาวนา นั้นมีอยู่ 2 ประเภท
ได้แก่ สมถภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา
1. สมถภาวนา หมายถึง การฝึกจิตใจให้มีความสงบ เป็นการเจริญสมาธิโดยตรง คือ ฝึกภาวะจิตให้มีความตั้งมั่นแน่วแน่ ยิ่งขึ้นไปเป็นชั้นๆ โดยลำดับ จนถึงขั้นฌานในระดับต่างๆ
2. วิปัสสนาภาวนา หมายถึง การนำสมาธิ ไปใช้เป็นพื้นฐาน ในการฝึกปัญญา ให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง ในสภาวะ รูป – นาม ของสิ่งทั้งหลายที่มีอยู่ในร่างกายของเรา โดยอาการแห่งความเป็นอนิจจัง ทุขขัง อนัตตา ทำให้ได้ญาณระดับต่างๆ และหลุดพ้นจากกิเลส ตัญหา และทุกข์ทั้งปวง จนกระทั่งบรรลุนิพพานได้
ระดับของสมาธิ
ในชั้นอรรถกถา แยกสมาธิออกเป็น 3 ระดับ คือ
1. ขณิกสมาธิ คือ สมาธิชั่วขณะเป็นสมาธิขั้นต้น ซึ่งคนทั่วไป อาจใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่การงาน
ในชีวิตประจำวัน ให้เกิดผลดี และจะได้ใช้เป็นจุดตั้งตนในการเจริญวิปัสสนาภวานาก็ได้
2. อุปจารสมาธิ คือ สมาธิเฉียดๆ หรือ จวนแน่วแน่ เป็นสมาธิชั้นระงับนิวรณ์ (นิวรณ์ คือเครื่องขวางกั้นความสำเร็จ ได้แก่ อารมณ์พอใจรักใคร่ / ความคิดร้ายต่อผู้อื่น /ความง่วง / ความฟุ้งซ่าน – รำคาญใจ / ความลังเลสงสัย) ก่อนที่จะเข้าภาวะแห่งองค์ฌาน (ฌาน = ภาวะที่จิตสงบแน่วแน่ มีสมาธิโดยแบ่งได้อีก 4 ระดับ)
1 มีวิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกัคตา
2 มีเพียง ปีติ สุข และ เอกัคตา (ไม่เหลือคำภาวนา หรือคำบริกรรมอีก)
3 มีแต่สุข กับเอกัคตา (ความสุขอื่นใดเทียบความสงบไม่มี)
4 ไม่เหลือสุข มีเอกัคตา กับอุเบกขา (ไม่สุข –ไม่ทุกข์ จิตวางเฉย)
มีลักษณะไม่รับรู้เรื่องใดๆ บางท่านจึงพูดว่า ทำตนเหมือนก้อนหิน ไม่รู้ร้อน ไม่รู้หนาว
3. อัปปนาสมาธิ คือ สมาธิแนบแน่น หรือแน่นอน ถือว่าเป็นสมาธิระดับสูงที่มีอยู่ในองค์ฌานนั้นๆ ซึ่งถือว่า
เป็นผลสำเร็จที่ต้องการในการเจริญสมาธิ