วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

สมาธิ คืออะไร

สมาธิ คืออะไร

สมาธิ คือการที่มีจิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องใด เรื่องหนึ่ง โดยไม่คิดฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่นๆ
การฝึกสมาธินั้นไม่ได้มีอยู่แค่ใน พุทธศาสนาเท่านั้น โดยการฝึกทำสมาธิมีมาก่อนสมัยพุทธกาลเสียอีก นอกจากนี้การฝึกสมาธิ มีอยู่ทั่วไปในศาสนาอื่นๆ รวมถึงลัทธิความเชื่อต่างๆ อีกมากมาย แม้แต่การเล่นโยคะก็มีเรื่อง สมาธิเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยในแต่ละกลุ่ม แต่ละความเชื่อก็มีจุดมุ่งหมายในการฝึก สมาธิ ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ในศาสนาพุทธ การฝึกสมาธิก็เพื่อทำให้เกิดความสงบในจิตใจ โดยการฝึกทำสมาธิ ในพุทธศาสนา ก็ยังแบ่งเป็น 2 วิธี คือ สมาธิ และ วิปัสสนา สำหรับการทำสมาธิในศาสนาฮินดูนั้น เพื่อฝึกการควบคุมจิตใจ และ ควบคุมอารมณ์ ส่วนในลัทธิเต๋า นั้นทำสมาธิเพื่อให้เกิดความสงบ และเกิดความแข็งแกร่งและความสมดุล ของร่างกายและจิตใจ ตามหนัก หยิน และ หยาง หรือแม้แต่ในปัจจุบัน การฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพของบุคคล ก็ยังนำหลักของการฝึกสมาธิเข้ามาใช้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "Focus" ซึ่งก็คือการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นเอง แม้แต่ทางด้านการแพทย์ การฝึกสมาธิยังสามารถช่วยเกี่ยวกับอาการ สมาธิสั้น อีกด้วย



สำหรับการฝึกสมาธิ นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องฝึกในท่านั่งเท่านั้น ไม่ว่า จะเป็นการนอน การนั่ง การยืน หรือ แม้แต่การเดิน ก็สามารถใช้ในการฝึกสมาธิได้ ทั้งนั้น สำหรับการในทางพุทธศาสน์ นิยมทำสมาธิ ในท่านั่งขัดสมาธิ เพราะเชื่อว่าเป็นท่าที่ทำให้เข้าถึงความสงบของจิตใจได้ดีที่สุด การฝึกสมาธิมีประโยชน์หลายด้านไม่เฉพาะทางด้านศาสนาเท่านั้น การฝึกสมาธิยังมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และสุขภาพจิต นานาประการอีกด้วย

สมาธิ : การ เดินสมาธิ เดินจงกรม

สมาธิ : เดินสมาธิ หรือ เดินจงกรม

การเดินก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการฝึกสมาธิ ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย และได้เคลื่อนไหวเปลี่ยนอริยาบท ไปด้วยระหว่างการทำ สมาธิ การเดินจงกรม (เดินสมาธิ) จะเกิดผลดีถ้าฝึกควบคู่กับการนั่งสมาธิไปด้วย การเดินจงกรม สามารถเดินได้ทั้งรอบที่สั่นและยาว ตามแต่พื้นที่จะอำนวย แต่โดยปกติ การเดินสมาธิ นิยมใช้ สถานที่ยาวประมาณ 5 - 10 เมตร หรือประมาณ 25 ก้าว เนื่องจาก ระยะทางที่ไม่ยาวเกินไป และไม่สั้นเกินไปจนทำให้เวียนหัว การเดินสมาธินั้นไม่ต้องหลับตา ระหว่างเดินสมาธิมองพื้นที่ที่เราจะเดินไป แต่จะไม่มองไกลเกินไปเพราะจะทำให้จิตหลุดจากสมาธิได้ง่าย แต่ก็ไม่ก้มมากเกินไปจนปวดต้นคอ

จากนั้นก็เริ่มเดินสมาธิ โดยการก้าวขาขวาไป ก็นึกคำว่า "พุท" และเมื่อก้าวขาซ้ายไปก็นึก คำว่า "โธ" หรือจะเจริญสมาธิภาวนา เป็นคำอื่นก็ได้ แล้วแต่จะกำหนด และกำหนดจิตสมาธิจดจ่ออยู่กับ เท้าที่ก้าวเหยียบสัมผัสลงพื้น เมื่อเดินสมาธิมาถึงปลายทาง ให้หยุดและ แล้วก็หันกลับด้านขวา มาทางเดิม โดยความเร็วในการเดินสมาธิ ไม่ควร เร็ว หรือ ช้า เกินไป กำหนดจิตสมาธิ ให้อยู่ที่ก้าวเดินและคำภาวนา เกิดเป็นสมาธิ

การเดินสมาธิ ถ้าจะให้เกิดผล เราควรทำอย่างน้อย 30 นาที และจะดีมากขึ้นถ้า ฝึกการนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย